ซ่อมแอร์รถยนต์
ซ่อมแอร์รถยนต์
ซ่อมแอร์รถยนต์ การขับรถแอร์ไม่เย็นในวันที่อากาศร้อนๆสร้างความเครียดและความทรมานได้ไม่น้อย ยิ่งวันไหนรถติดมากๆบางครั้งแทบอยากจอดรถแล้วเดินแทนกันเลยทีเดียว สำหรับใครที่กำลังเจอปัญหานี้อย่าปล่อยให้เรื้อรัง เพราะเราได้จัดหาร้านซ่อมแอร์รถยนต์ที่ดีที่สุดไว้ให้คุณแล้ว โดยแต่ละร้านต้องผ่านเกณฑ์คัดเลือกที่ดี คือ

เกณฑ์การคัดเลือกร้านแอร์รถยนต์ที่ดีที่สุด
- มีประสบการณ์และความชำนาญในด้านงานแอร์รถยนต์
เพราะรถทุกคันไม่ได้มีปัญหาแอร์อย่างเดียวกัน ร้านซ่อมแอร์รถยนต์จึงต้องมีประสบการณ์และความชำนาญ สามารถแก้ไขปัญหาเรื่องแอร์ที่มีให้หมดไปได้ในเวลาอันรวดเร็ว และผลงานออกมาเป็นที่น่าประทับใจ สำหรับร้านที่คัดเลือกมาล้วนมีความชำนาญงานทั้งสิ้น
- มีความรับผิดชอบในงานที่ทำ ไม่ดองงาน
การนำรถเข้าร้านซ่อมแอร์รถยนต์ ไม่ควรทิ้งไว้นานเกินไป เนื่องจากอาจต้องใช้รถในการไปทำงานหรือไปทำธุระ ช่างที่ดีจึงควรทำให้เสร็จภายใน 1-2 วันหรืออย่างช้า 1 อาทิตย์ หากใช้เวลามากกว่านี้คงไม่ดีแน่
- ราคาไม่แพงจนเกินไป
ส่วนใหญ่การทำแอร์รถแต่ละรายการจะมีเรทราคาที่ไม่ทิ้งห่างกันมากในแต่ละร้าน หากสอบถามแล้วแพงกว่าที่อื่นจนเกินไปก็ควรเปลี่ยนร้านใหม่จะดีกว่า

1. เปิดแอร์ให้ถูกวิธี
ไม่ควรเปิดแอร์จนสุดทันทีเมื่อเริ่มเปิดแอร์ โดยควรให้คอมเพรสเซอร์แอร์ได้ทำงานสักพักก่อน 5 นาที คือ หลังจากที่สตาร์ทรถแล้ว เปิดพัดลมไปที่ความเร็วสูงสุดก่อนสักพัก เพื่อเป็นการไล่ลมร้อน หรือความชื้น ที่มีอยู่ในรถและช่องแอร์ก่อน แล้วจึงค่อยเปิดสวิตช์ปรับอากาศ (A/C) โดยไม่ควรตั้งอุณหภูมิเย็นจนเกินไป จะทำให้แอร์รถยนต์ทำงานหนักอยู่ตลอดเวลา และอาจทำให้แอร์เสื่อมสภาพเร็วได้
2. ล้างแอร์
เมื่อใช้รถยนต์มาได้สักระยะ ควรหมั่นล้างแอร์เพื่อทำความสะอาด โดยควรเปลี่ยนไส้กรองแอร์ทุก ๆ 2 หมื่นกิโลเมตร แต่ก็แล้วแต่ลักษณะการใช้งานด้วย หากขับรถในพื้นที่ที่มีฝุ่นมากๆ หรือผ่านพื้นที่ก่อสร้างถนนบ่อยๆ แนะนำให้เปลี่ยนไส้กรองแอร์ทุกๆ 1 หมื่นกิโลเมตร รวมถึงควรล้างแอร์ทุกๆ 3-4 หมื่นกิโลเมตร หรือทุกๆ 2 ปี

3. ดูดฝุ่นในรถเป็นประจำ
การดูดฝุ่นในรถเป็นประจำ นอกจากจะช่วยลดฝุ่นละอองตามพรมรถ และเบาะรถยนต์แล้ว ยังลดความเสี่ยงที่ฝุ่นจะเข้าไปในอุดตันในระบบแอร์อีกด้วย ที่สำคัญยังทำให้อากาศในรถบริสุทธิ์ขึ้นอีกด้วยนะ
4. ปิดช่องแอร์ หากต้องเปิดกระจกรถ
หากมีความจำเป็นต้องเปิดกระจกขับรถ ควรปิดช่องแอร์ตรงช่วงคอนโซลให้ได้มากที่สุด เพื่อป้องกันฝุ่นเข้าไปในช่องแอร์นั่นเอง
5. ปิดสวิตช์ A/C ก่อนถึงที่หมาย
ก่อนขับรถถึงที่หมายสักพัก แนะนำให้ปิดสวิตช์ปรับอากาศ หรือ สวิตช์ A/C พร้อมกับเปิดพัดลมไปที่ระดับแรงสุด เพื่อเป็นการไล่ความเย็น และความชื้นออกจากระบบแอร์ ซึ่งความชื้นที่ค้างอยู่ในช่องแอร์อาจเป็นสาเหตุของกลิ่นอับชื้นและบ่อเกิดของเชื้อโรคต่างๆ ได้

เมื่อได้ทราบ วิธีดูแลแอร์รถยนต์ กันไปแล้ว ก็อย่าลืมนำไปใช้กันด้วย และควรขับขี่กันอย่างปลอดภัย ไม่ประมาท และถ้าจะให้ดีมาสิแนะนำว่าควรทำประกันรถยนต์ไว้ด้วยเพื่อความอุ่นใจ โดยสามารถ คลิกที่นี่ เพื่อเปรียบเทียบประกันรถยนต์กับมาสิได้ง่ายๆ
หรือหากใครมีข้อสงสัยเพิ่มเติม สามารถโทรศัพท์มาพูดคุยสอบถามกับทีมงานได้ที่ 02 710 3100 หรือแอดไลน์มาเป็นเพื่อนกับเราได้ที่ @masii (มี @ ด้วยนะ) เพื่อติดตามข่าวสารที่น่าสนใจเกี่ยวกับ ประกันรถยนต์ ประกันมอเตอร์ไซค์ ประกันภัยโดรน ประกันการเดินทาง ประกันสุขภาพ รวมไปถึง สินเชื่อส่วนบุคคล และบัตรเครดิต จากสถาบันการเงินชั้นนำได้เลยค่ะ
วิธีการตรวจซ่อมและบำรุงรักษาแอร์รถยนต์
1.ทำความสะอาดภายนอกทุกส่วน เช่น ที่คอยล์ร้อนและคอยล์เย็น โดยเฉพาะบริเวณครีบระบายความร้อนและความเย็นควรสะอาด เพราะถ้าคอยล์ร้อนสกปรกจะทำไห้การระบายความร้อนไม่ดี และหากคอยล์เย็นสกปรกการระบายความเย็นมาสู่เราจะไม่สมบูรณ์
4. ตรวจฝาครอบท่ออัดน้ำยาทั้งสองด้าน ถ้าปิดไม่สนิทจะทำไห้มีฝุ่นเกาะติด อัดน้ำยาครั้งต่อไปจะทำไห้น้ำยาแอร์สกปรกแล้วทำไห้ระบบอุดตันได้ กรณีแอร์ไม่เย็นอาจน้ำยาแอร์รั่ว หรือบริเวณท่ออุดตัน วิธีตรวจดูว่ารั่วจุดใดให้สังเกตว่าจุดต่อตัวไหนที่มีคราบน้ำมันเยิ้มเกาะอยู่แสดงว่าเกิดการรั่วซึม ให้นำน้ำสบู่มาเช็ดดูอีกครั้งว่ารั่วจริงหรือไม่ หากรั่วให้ขันข้อต่อเข้าไปให้แน่นหากยังไม่หายให้เปลี่ยนสายที่ข้อต่อนั้น
11 สาเหตุหลัก ที่แอร์ไม่เย็น คอมมีเสียงดัง และล็อค