อู่ซ่อมรถยนต์

อู่ซ่อมรถยนต์

อู่ซ่อมรถยนต์ คือการตรวจเช็ค และ ดูแลบำรุงรักษารถยนต์ ตั้งแต่ระบบกำลังเครื่องยนต์ ระบบเกียร์ ระบบช่วงล่าง ระบบพวงมาลัย ระบบไฟฟ้า ไดชาร์ด ไดสตาร์ด ระบบแอร์ ยางรถยนต์

อู่ซ่อมรถยนต์ ประกอบด้วยการบริการซ่อมดังต่อไปนี้

  1. ซ่อมช่วงล่างรถยนต์
  2. ซ่อมรถยนต์
  3. ซ่อมเบรค
  4. ซ่อมโช๊คอัพ
  5. ตั้งศูนย์ ถ่วงล้อ
  6. ซ่อมเครื่องยนต์
  7. ซ่อมแอร์รถยนต์
อู่ซ่อมรถยนต์

ซ่อมเครื่องยนต์ ไดชาร์ต ไดสตาร์ท

  • รับซ่อมเครื่องยนต์ Diesel ยุโรป – อเมริกาและญี่ปุ่น โดยช่างที่ชำนาญงาน พร้อมรับประกันงาน
  • ตรวจเช็ค และ ดูแลบำรุงรักษาเครื่องยนต์
  • เปลี่ยนเครื่องยนต์ใหม่ ติดตั้งเครื่องยนต์ใหม่
  • เปลี่ยนสายพานไดชาร์จ ไดชาร์ต ไดสตาร์ท สายพานพวงมาลัยพาวเวอร์
  • เปลี่ยนซีลข้อเหวี่ยงหน้าและหลัง โอริง ซีลราวลิ้น สายพานราวลิ้น/ทามมิ่ง
  • ยางประเก็นแคร้งน้ำมันเครื่อง
  • ปั๊มน้ำ
  • หัวเทียน
  • เปลี่ยนน้ำมันเครื่อง และ ไส้กรองน้ำมันเครื่อง
  • ปะเก็บฝาครอบวาล์วยางแท่นเครื่อง

รถยนต์ในทุกวันนี้ต้องการการดูแลโดยเฉพาะเครื่องยนต์ ไม่ว่าจะเป็นระบบเก่าหรือใหม่ เอ็มเคพลัามีช่างผู้เชี่ยวชาญ ที่มีประสบการณณ์ 10-15ปีหลายท่าน ที่จะทำการตรวจวิเคราะห์ด้วยเครื่องยนต์ของลูกค้า

  • วิเคราะห์ข้อบกพร่องด้วยเครื่องวิเคราะห์ที่ทันสมัย
  • ปรับแต่ง, ตั้งค่าเครื่องยนต์ เพื่อประสิทธิภาพที่สูงสุด
  • รองรับทุกระบบเครื่องยนต์
  • ช่างผู้เชี่ยวชาญที่มีประสบการณณ์ 10-15ปี

ลูกค้าสามารถมาซ่อมเครื่องยนต์ ไดชาร์ต ไดสตาร์ท ที่ ศูนย์บริการ เอ็มเคพลัส

อู่ซ่อมรถยนต์

ซ่อมช่วงล่าง เบรก คลัทช์

  • เปลี่ยนจานเบรค ดิสเบรค เจียรจานเบรค ผ้าเบรค เปลี่ยนน้ำมันเบรค
  • เปลี่ยนคลัชท์
  • ซ่อมช่วงล่าง แชทซี
  • ซ่อมโช๊ค ทุกชนิด ทุกยี่ห้อ

คุณมีความรู้สึกว่ารถยนต์ของคุณมีระยะเบรกที่ยาวไหม?

ระยะเบรกยาวอาจจะเกิดจากอายุของน้ำมันเบรกที่นานเกินไป ซึ่งควรเปลี่ยนทันที การตรวจเช็คและเปลี่ยนน้ำมันเบรก น้ำมันเบรกสามารถดูดซับน้ำเมื่ออุณหภูมิสูงขึ้นน้ำที่ถูกดูดซับไว้จะกลายเป็นไอ ในขณะเหยียบเบรก ไอน้ำเหล่านี้จะถูกบีบดัดและส่งผลต่อการสร้างแรงเบรกได้ไม่เพียงพอ ซึ่งอาจมีผลต่อประสิทธิภาพของระบบเบรกได้ การตรวจเช็คสภาพน้ำมันเบรก ผ้าเบรกและจานดิสเบรก เป็นเรื่องสำคัญที่เกี่ยวข้องกับความปลลอดภัยโดยตรง

อย่างที่ได้กล่าวไปแล้วว่าระบบช่วงล่างของรถยนต์ก็คือชิ้นส่วนต่าง ๆ ที่อยู่ภายใต้รถยนต์ยกเว้นตัวถังรถ ซึ่งก็จะประกอบด้วยส่วนสำคัญหลัก ๆ ดังต่อไปนี้

สปริง

ทำหน้าที่ในการซับแรงกระแทกจากถนนที่เข้าสู่โครงสร้างรถ ซึ่งการกระเด้งของสปริงนั้นก็จะขึ้นอยู่กับน้ำหนักของตัวรถ โดยสปริงจะเด้งมากน้อยขึ้นอยู่กับน้ำหนักของตัวรถด้วย ในปัจจุบันก็จะมีการใช้สปริงสำหรับระบบช่วงล่างของรถยนต์อยู่ด้วยกันทั้งหมด 4 แบบก็คือ

  1. คอยล์สปริง มีลักษณะคล้ายกับที่พบเห็นกันได้บ่อยตามอุปกรณ์ต่าง ๆ อย่างเช่นสปริงในด้ามปากกา โดยสปริงชนิดนี้ก็จะถูกติดตั้งเอาไว้กับโช้คอัพเพื่อควบคุมการเคลื่อนไหวของล้อ
  2. แหนบสปริง สปริงชนิดนี้มักจะใช้ในรถกระบะ ซึ่งก็ไม่ได้มีลักษณะม้วนแบบสปริงอย่างที่เราคุ้นเคยกัน แต่จะเป็นการออกแบบแผ่นเหล็กที่ความยืดหยุ่นต่างกันแล้วนำมามัดรวมกันจนกลายเป็นสปริงที่สามารถควบคุมแรงกระแทกได้นั่นเอง
  3. ทอร์ชั่นบาร์ สปริงชนิดนี้ก็จะเป็นการใช้ชิ้นส่วนที่สามารถหมุนได้เชื่อมต่อในระบบช่วงล่าง ซึ่งก็จะให้ผลแบบเดียวกับ Coil Spring แต่จะมีข้อดีก็คือสปริงชนิดนี้สามารถปรับความแข็งได้ตามความต้องการ แต่ปัจจุบันก็ไม่ค่อยเป็นที่นิยมใช้กันเท่าไหร่เพราะว่ามีระบบสปริงที่ดีและราคาถูกกว่ามาทดแทน
  4. ถุงลม ทำหน้าที่ควบคุมการซับแรงกระแทกที่เกิดขึ้นได้คล้ายกับการทำงานของสปริง ซึ่งการทำงานของถุงลมก็คือจะอาศัยแรงดันอากาศเข้ามาควบคุมการซับแรงกระแทกที่เกิดขึ้น ข้อดีก็คือสามารถตอบสนองได้ดีกว่าเนื่องจากสามารถปรับได้หลายรูปแบบตามต้องการ แต่ข้อเสียก็คือมีราคาแพงมากนั่นเอง ดังนั้นจึงมักจะพบอยู่ในกลุ่มของรถหรูราคาแพงเป็นส่วนใหญ
โช๊คอัพ

โชคอัพ

มีหน้าที่ในการจำกัดการขึ้นลงหรือการกระเด้งของสปริง ในทางวิศวกรรมอาจเรียกว่า Damping โดยโช้คอัพจะช่วยรองรับ ดูดซับแรงกระแทก รวมไปถึงช่วยลดแรงสั่นสะเทือนของตัวรถในการขับขี่บนท้องถนน ซึ่งโช้คอัพก็มีอยู่ด้วยกันหลายประเภทได้แก่

โช้คอัพระบบน้ำมัน จะทำงานด้วยระบบไฮดรอลิค โดยขณะที่โช้คอัพทำงานน้ำมันไฮดรอลิคก็จะไหลผ่านวาล์วภายในลูกสูบ จึงทำให้เกิดฟองอากาศขึ้นภายในน้ำมัน แต่ในกรณีที่ฟองอากาศเกิดแตกขึ้น ก็จะทำให้โช้คอัพเกิดการขาดช่วงการทำงานในระยะเวลาสั้น ๆ ซึ่งก็อาจเป็นเหตุให้รถยนต์เสียอาการได้ถ้าหากมีการขับขี่อยู่ในย่านความเร็วสูง

โช้คอัพระบบแก๊ส เป็นการทำงานร่วมกันระหว่างแก๊สไนโตรเจนและน้ำมันไฮดรอลิค โดยในขณะที่โช้คอัพทำงาน ลูกสูบของโช้คอัพก็จะทำการเลื่อนตัวลงมาด้านล่างของกระบอกลูกสูบ ทำให้น้ำมันไฮดรอลิคที่อยู่ในกระบอกสูบนั้นไหลผ่านวาล์วขึ้นไปยังห้องน้ำมันด้านบน ในขณะที่น้ำมันอีกจำนวนหนึ่งก็จะไหลผ่านวาลว์ด้านล่างเข้าไปในห้องน้ำมันสำรอง หลังจากนั้นจะทำการอัดแก๊สไนโตรเจนให้เกิดแรงดันเพื่อดันน้ำมันไฮโดรลิคกลับเข้าสู่กระบอกลูกสูบ ซึ่งโช้คอัพระบบแก๊สก็ยังสามารถแบ่งออกได้เป็น 2 ชนิด คือ LOW-PRESSURE GAS SHOCK ABSORBER หรือโช้คอัพแก๊สแรงดันต่ำ โดยจะมีการอัดแรงดันไว้ประมาณ 10 – 15 กก./ตาราง ซม. หรือ 142 – 213 ปอนด์/ตารางนิ้ว และ HI-PRESSURE GAS SHOCK ABSORBER หรือโช้คอัพแก๊สแรงดันสูง โช้คอัพประเภทนี้จะไม่มีห้องน้ำมันสำรอง แต่จะเก็บน้ำมันไฮดรอลิคไว้ที่ด้านบนของกระบอกสูบ และทำการอัดแก๊สไนโตรเจนที่ด้านล่างของกระบอกสูบ โดยจะมีแรงดันอยู่ที่ 20-30 กก./ตาราง ซม. หรือประมาณ 284-427 ปอนด์/ตารางนิ้ว

โช๊คอัพ

ตรวจเช็คและซ่อมช่วงล่าง เบรก คลัทช์

ลูกค้าสามารถมาเปลี่ยนตรวจเช็คและซ่อมช่วงล่าง เบรก คลัทช์  ที่ ศูนย์บริการ เอ็มเคพลัส

บริการดูแลบำรุงรักษารถ อาทิเช่น ล้างรถ เปลี่ยนน้ำมันเครื่อง น้ำมันเกียร์ ใส้กรองอากาศ ใส้กรองน้ำมันเครื่อง

บริการซ่อมชิ้นส่วนรถที่ชำรุดสึกหรอ อาทิเช่น เบรก ครัทจ์ ระบบเกียร์ เฟืองท้าย ระบบพวงมาลัย ระบบช่วงล่าง ตั้งศูนย์ล้อ ถ่วงล้อ ระบบไฟฟ้า ไดชาร์ด ไดสตาร์ท ระบบแอร์ ล้างแอร์ เติมน้ำยาแอร์ อบโอโซนดับกลิ่น

บริการเปลี่ยนยาง ปะยาง เปลี่ยนแบตเตอรี่รถยนต์

เอ็มเค พลัส ศูนย์ซ่อมรถยนต์มาตรฐาน

อยู่ตรงข้าม ไทย ทีวี ช่อง 3 เขตหนองแขม

เอ็มเค พลัส ศูนย์จำหน่ายอะไหล่รถยนต์

เอ็มเค พลัส ศูนย์ซ่อมรถยนต์มาตรฐาน

เอ็มเค พลัส ศูนย์ เปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่องมาตรฐาน

เอ็มเค พลัส ศูนย์เปลี่ยนยางรถยนต์ เปลี่ยนแบตเตอรี่

ติดต่อเรา คลิกเลย++
Google Business
Facebook Page

โทร 0820813250, 0820812403

Add Lind ID: 0820813250

Call Now Button